เอฟเวอร์ตัน 1 – 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

รีพอร์ต

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีโอกาสที่จะคว้าแชมป์เอฟเอ คัพได้เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี หลังจากตีตั๋วกลับมาเยือนสนามเวมบลีย์อีกครั้งในนัดชิงชนะเลิศ ซึ่งจะเตะกันในเดือนหน้า จากการคว้าชัยชนะอย่างสุดดราม่าในช่วงทดเวลาบาดเจ็บด้วยประตูชัยของ อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล เช่นเดียวกับการสวมบทฮีโร่อีกครั้งของ ดาบิด เด เคอา

มารูยาน เฟลไลนี่ อดีตนักเตะทอฟฟี่สีน้ำเงินเป็นหนึ่งใน 4 การปรับทัพของ หลุยส์ ฟาน กัล ในวันนี้ เช่นเดียวกับ ทิโมธี โฟซู-เมนซาห์, มาร์กอส โรโฮ และ ไมเคิล คาร์ริค เขาเป็นคนยิงให้ทีมปีศาจแดงขึ้นนำในนาทีที่ 34 ก่อนที่เด เคอาจะเซฟลูกจุดโทษของ โรเมลู ลูกากู ขณะที่ คริส สมอลลิ่ง โชคร้ายที่สกัดบอลพลาดเข้าประตูตัวเองทำให้สกอร์กลับมาเท่ากัน แต่เหตุการณ์สุดคลาสสิคก็มาเกิดขึ้นเอาในช่วงท้าย ตัวสำรอง อันเดร์ เอร์เรร่า จ่ายบอลให้มาร์กซิอัลหลุดขึ้นหน้า และศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศสก็สังหารเข้าไปอย่างเยือกเย็นต่อหน้าแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ดีใจอย่างบ้าคลั่ง

ก่อนเกม ทีมปีศาจแดงเคยคว้าชัยชนะเหนือเอฟเวอร์ตันมาแล้วทั้ง 2 เกมที่พบกันมาในลีก และจากรูปเกมในช่วง 15 นาทีแรกก็ดูเหมือนว่าชัยชนะครั้งที่ 3 น่าจะตามมาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดครองบอลได้หมด และแนวรุกก็ดูเฉียบคมมาก แต่กลับเป็นเอฟเวอร์ตันที่ได้ลุ้นประตูก่อนจากจังหวะที่ลูกากูแตะบอลผ่านเด เคอา ก่อนที่จะพยายามจ่ายต่อเข้าพื้นที่อันตราย ยังดีที่ เวย์น รูนี่ย์ ซึ่งลงเล่นเป็นมิดฟิลด์อีกเกมลงมาโขกสกัดจากบริเวณหน้าเส้นประตูเอาไว้ได้ก่อน

รูนี่ย์, มาร์กซิอัล และ มาร์คัส แรชฟอร์ด เป็น 3 ประสานในการขึ้นเกมรุกของทีมปีศาจแดง ซึ่งก็ดูไปได้สวยทีเดียว มาร์กซิอัลซึ่งวิ่งฉีกแนวรับเอฟเวอร์ตันมาตั้งแต่ต้นเกมน่าจะทำประตูได้ในนาทีที่ 21 เมื่อ เจสซี่ ลินการ์ด จ่ายทะลุช่องมาให้เขา แต่นักเตะชาวฝรั่งเศสก็ยิงข้ามคานออกไป
ก่อนหน้านั้น โรโฮก็มีจังหวะโขกหลุดกรอบด้วยเช่นเดียวกัน ขณะที่ลูกยิงของลินการ์ดก็ไปติดเซฟ โจเอล โรเบิลส์ จากนั้นแรชฟอร์ดก็เป็นอีกรายที่ถูกปฏิเสธโดยโจเอล หลังจากที่เข้าขึ้นเกมมากับเฟลไลนี่

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาได้ประตูขึ้นนำอย่างสมควรที่สุดในขณะที่เหลือเวลาในครึ่งแรกอีก 11 นาที เมื่อมาร์กซิอัลลากบอลไปถึงเส้นหลัง ก่อนจ่ายตัดหลังมาให้อดีตนักเตะเอฟเวอร์ตันอย่างเฟลไลนี่ซัดจากระยะใกล้เข้าไป

ครึ่งหลังยังเริ่มต้นเหมือนกับที่ครึ่งแรกจบลง เป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ทำได้ดีกว่า และก็มีโอกาสลุ้นมากกว่า จังหวะที่ดีที่สุดมาจากลินการ์ด หลังจากขึ้นเกมมาอย่างยอดเยี่ยมกับโฟซู-เมนซาห์, แรชฟอร์ด และมาร์กซิอัล โดยรายหลังจ่ายตอกส้นมาให้ลินการ์ดได้สับไกยิงหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย

เอฟเวอร์ตันกลับมามีชีวิตชีวาในนาทีที่ 11 ของครึ่งหลัง เมื่อ อารอน เลนน่อน กระชากบอลขึ้นหน้า ก่อนจ่ายให้ รอสส์ บาร์คลี่ย์ ในกรอบเขตโทษ โฟซู-เมนซาห์พุ่งเข้ามาเสียบสกัด ซึ่งผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์ มองเป็นการทำฟาวล์ ลูกากูรับหน้าที่สังหารจุดโทษ ดวลกับเด เคอาซึ่งฤดูกาลที่แล้วเซฟจุดโทษของ เลห์ตัน เบนส์ ได้ คราวนี้ผู้รักษาประตูชาวสเปนก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้งด้วยการพุ่งไปทางขวามือของตัวเอง และปัดบอลออกไปได้

ลูกทีมของ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ โหมเกมบุกอย่างหนัก และก็มาป้วนเปี้ยนที่หน้าปากประตูของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้บ่อยครั้ง ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ได้ยิงข้ามคาน ขณะที่บาร์คลี่ย์ก็ได้ยิงหลุดกรอบออกไปด้วยเช่นกัน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเริ่มต่อเกมกันไม่ติด แม้ว่าเฟลไลนี่จะเกือบบวกประตูทิ้งห่างได้ในนาทีที่ 65 ก็ตาม สุดท้ายก็เป็นเอฟเวอร์ตันที่มาตีเสมอได้ในขณะที่เหลือเวลาอีก 15 นาที ตัวสำรอง เชราร์ด เดวโลเฟว ครอสบอลเข้ากลาง และก็เป็นสมอลลิ่งที่สกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเองไป

เอฟเวอร์ตันบังคับให้เด เคอาต้องงัดฟอร์มเซฟอีกด้วย ขณะที่เฟลไลนี่ก็ต้องวิ่งลงมาบล็อคลูกยิงในจังหวะอันตรายจากลูกากู หลังจากที่เอฟเวอร์ตันสวนกลับเร็วจากลูกเตะมุมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ดูเหมือนว่าเกมจะต้องไปวัดกันต่อด้วยการต่อเวลาพิเศษ แต่ทีมปีศาจแดงก็ได้แสดงให้เห็นถึงสปิริตการไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ซึ่งก็มาเกิดขึ้นเอาในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ มาร์กซิอัลได้บอลจากลูกจ่ายสะกิดอย่างเหมาะเจาะของเอร์เรร่า ก่อนที่จะยิงเข้าประตูส่งให้แฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในสนามคำรามกันด้วยความสะใจ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ซึ่งจะเตะกันในเดือนหน้า แล้วเจอกันอีกครั้งนะเวมบลีย์!

สถิติ


Related Posts

Copyright © 2024 Mariceletchecoin. All Right Reserved.